"วันที่เราไม่เหลืออะไร ... คือวันที่เราจะได้เห็นอะไร"
คนที่ยังมีครบทุกอย่างแทบจะไม่รู้สึกอะไรกับประโยคนี้
แต่คนที่เคยก้าวผ่าน
คำว่าชีวิตนี้จากเคยมี เคยได้ เคยเป็น
แล้ววันหนึ่งแทบไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง
แม้กระทั่งกำลังใจให้ตัวเอง มันเศร้ามากนะ
ความรู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง ท้อแท้
หดหู่ เศร้า เหงา เซ็ง หมดอาลัยตายอยากนี่ เหลียวหาใครสักคนไม่มี
มันเป็นความรู้สึกแย่ที่อยากจะบรรยายมันออกมาให้หมด แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ใช้สิทธิ์พิเศษแลกมา แต่ทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะได้เจอเท่าเทียมกัน
และนี้คือเหตุผล
ว่าทำไมเราต้องอยู่คนเดียวให้เป็น
ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้
และรักตัวเองให้มากพอ
แม้วันหนึ่งไม่มีใครรัก เรายังเหลือตัวเราที่ยังรักและต้องการตัวเรามากที่สุด
เพราะไม่ว่าชีวิตจะเจอเรื่องราวที่ก้าวผ่านยากที่สุด สุดท้ายก็มีแค่ตัวเราที่ต้องผ่านไปให้ได้
แล้วเมื่อผ่านไปได้คุณจะรู้ว่าคนที่ยังอยู่ สำคัญมากกว่าคนที่หายไปแน่นอน แล้วเมื่อคนที่หายไปอยากเดินกลับมาอีกครั้ง เขาจะทำให้เรารู้ว่า ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมี(เขาเหล่านั้น)อีกต่อไป
จากมิตรสนิทจะแปลเปลี่ยนเป็นศัตรู
จากคนที่ไว้วางใจจะกลายเป็นคนที่ฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นอย่างเลือดเย็น
จากคนที่เอ็นดูเราจะเปลี่ยนเป็นคนเจ้าหนี้ที่ตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก
จากเพื่อนสนิทจะเปลี่ยนเป็นคนที่เฉดหัวเราทิ้งในวันที่เราไม่มีผลประโยชน์ให้ตักตวง
จากคนเคยรักจะเปลี่ยนเป็นคนเจ้ากรรมนายเวรติดตามชีวิตเราไม่เลิก
คนบางคนยิ่งเราให้ค่ามากเท่าไหร่ เราย่อมเจ็บปวดมากเท่านั้น แต่กับคนบางคนเขาไม่ให้ค่าเลย ไม่เห็นคุณค่าเท่าไหร่ แค่กลับคือคนที่อยู่เคียงข้างเราไม่เคยหนีหายไปไหน แม้ใครๆ จะทอดทิ้งเราไปจนหมดสิ้น
"ลองล้มดูสิแล้วจะรู้ว่าใครเป็นมิตรแท้หรือมิตรเทียม"
"ลองไม่มีดูสิแล้วจะรู้ว่าใครรักจริงหรือแกล้งรัก"
"ลองหมดผลประโยชน์ดูสิ แล้วจะพบกับคำว่า "ไม่เหลือใคร"
ชีวิตมันก็เท่านี้เอง
แล้วมันจะผ่านไป แต่จะผ่านไปแบบไหน? แรงกดดันมากมายเท่าไหร่ที่เราจะรับมันได้
แต่ชิวิตก็ต้องดำเนินไปเรื่อยๆ กับปัญหาทุกอย่าง คือ เราต้องสู้
นั่นแหละเป็น"กำลังใจ ชั้นเยี่ยม" ที่เราไม่ต้องหา จากที่ใด ได้เลย นอกจากตัวของเราเอง