เป็นปริศนาธรรมของคนโบราณ...
จระเข้ หมายถึง ความโลภ
( ปากใหญ่ กินไม่อิ่ม )
ตะขาบ หมายถึง ความโกรธ
( พิษที่เผ็ดร้อนเหมือนความโกรธที่แผดเผาจิต )
นางมัจฉา หมายถึง ความหลง
( เสน่ห์แห่งความงามที่ชวนหลงใหล )
เต่า หมายถึง สติ
( การระวังรักษาอายตนะทั้ง 6 ดุจเต่าที่หดอวัยวะซ่อนในกระดอง )
" ธงจระเข้ " ใช้ประดับในการแห่ ( มีตำนานว่าเศรษฐีเกิดเป็นจระเข้ว่ายน้ำตามขบวนกฐินจนขาดใจตาย )
" ธงนางมัจฉา " ใช้ประดับงานพิธีถวายผ้ากฐิน ( เป็นตัวแทนหญิงสาว ตามความเชื่อว่าอานิสงส์
จากการถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์จะมีรูปงาม )
" ธงตะขาบ " ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้มีคนมา
จองกฐินแล้ว ( ให้ผู้จะมาปวารณาทอดกฐินผ่านไปวัดอื่นเลย ไม่ต้องเสียเวลามาถาม )
" ธงเต่า " ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้ทอดกฐิน
เรียบร้อยแล้ว ( จะปลดลงในวันเพ็ญเดือน 12 )
ในปัจจุบันจะเห็นเพียงธงจระเข้ และนางมัจฉา
ที่จะปรากฎในงานกฐิน ส่วนธงตะขาบ และเต่า
พบเห็นได้น้อย จะมีเป็นบางวัดที่ยังคงรักษาธรรมเนียมเก่าอยู่
--------------------------------
อานิสงส์การทอดกฐิน ด้วยหมอนขิด ที่นอน อาสนะ และบริวารทั้งหลาย.
ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า
พระปทุมุตตระ นั้น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
เป็นมหาทุคคตะ( คนผู้มีความยากจนมาก)
เป็นทาสของคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จาพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก
ท่านจึงกลับไปชวนนายทำบุญกฐิน
แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง
ท่านมหาทุคคตะ อยากมีส่วนร่วมทานนี้ด้วย
แต่ไม่มีอะไร มีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ ของตนที่มีติดตัวอยู่
เพียงชุดเดียว
จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย ๑ กลุ่ม
เข็ม ๑ เล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย
เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
.....พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หมอนขิด ที่นอน อาสนะ และบริวารทั้งหลาย
หรือร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง
จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้
จะปรารถนาเป็นพระอัครสาวกก็ได้
จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้